พายุแห่งความปรารถนาของเรา

สันติภาพจงนิ่งโดย อาร์โนลด์ ไฟรเบิร์ก

 

จาก บางครั้งฉันได้รับจดหมายดังนี้:

โปรดอธิษฐานเผื่อฉัน ฉันอ่อนแอมากและบาปของฉันโดยเฉพาะอย่างยิ่งแอลกอฮอล์บีบคอฉัน 

คุณสามารถแทนที่แอลกอฮอล์ด้วย "สื่อลามก" "ตัณหา" "ความโกรธ" หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ความจริงก็คือคริสเตียนจำนวนมากในปัจจุบันรู้สึกล้นมือเพราะความปรารถนาของเนื้อหนังและหมดหนทางที่จะเปลี่ยนแปลง 

ดังนั้นเรื่องราวของการสงบของลมและทะเลของพระคริสต์ในพระวรสารวันนี้จึงเหมาะสมที่สุด (ดูการอ่านบทสวดประจำวันนี้ โปรดคลิกที่นี่เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม). เซนต์มาร์คบอกเราว่า:

พายุที่รุนแรงขึ้นมาและคลื่นก็ซัดเข้ามาที่เรือเพื่อที่มันจะเต็มแล้ว พระเยซูอยู่ท้ายเรือนอนหลับอยู่บนเบาะ พวกเขาปลุกเขาและพูดกับเขาว่า "อาจารย์คุณไม่สนใจว่าเรากำลังจะพินาศหรือ" เขาตื่นขึ้นมาโต้ลมและพูดกับทะเลว่า“ เงียบ! นิ่งดูดาย!" ลมหยุดและมีความสงบมาก

ลมเป็นเหมือนความอยากอาหารที่ไม่ปกติของเราที่พัดคลื่นเนื้อหนังของเราและขู่ว่าจะจมเราลงในบาปร้ายแรง แต่หลังจากที่พายุสงบแล้วพระเยซูทรงตำหนิสาวกด้วยวิธีนี้:

ทำไมคุณถึงกลัว? คุณยังไม่มีความเชื่ออีกหรือ?

มีสองสิ่งสำคัญที่ควรทราบที่นี่ ประการแรกคือพระเยซูถามพวกเขาว่าเหตุใดพวกเขาจึง“ ยัง” ไม่มีศรัทธา ตอนนี้พวกเขาสามารถตอบสนองได้:“ แต่พระเยซูเรา ไม่ ลงเรือไปกับคุณแม้ว่าเราจะเห็นเมฆพายุที่ขอบฟ้า เรา เป็น ติดตามคุณแม้ว่าจะมีหลายคนก็ตาม และพวกเรา ไม่ ปลุกคุณ” แต่บางทีพระเจ้าของเราจะตอบว่า:

ลูกของฉันคุณยังคงอยู่ในเรือ แต่สายตาของคุณจับจ้องไปที่ลมแห่งความอยากอาหารของคุณมากกว่าฉัน คุณปรารถนาการปลอบโยนจากการปรากฏตัวของเรา แต่คุณลืมบัญญัติของเราอย่างรวดเร็ว และคุณปลุกฉัน แต่ไม่นานหลังจากการทดลองได้บดขยี้คุณแทนที่จะเป็นก่อนหน้านี้ เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะอยู่เคียงข้างฉันในชีวิตของคุณศรัทธาของคุณเท่านั้นที่จะเป็นของแท้และความรักของคุณเป็นของแท้ 

นั่นเป็นคำตำหนิที่รุนแรงและเป็นคำพูดที่ฟังยาก! แต่พระเยซูทรงตอบฉันมากแค่ไหนเมื่อฉันบ่นกับพระองค์ว่าแม้ว่าฉันจะสวดอ้อนวอนทุกวันพูดสายประคำไปร่วมพิธีมิสซาสารภาพบาปประจำสัปดาห์และอื่น ๆ ... ที่ฉันยังคงตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า ความจริงก็คือว่าฉันเคยตาบอดหรือค่อนข้างตาบอดเพราะความอยากกินเนื้อหนัง คิดว่าฉันกำลังติดตามพระคริสต์ด้วยการก้มหัวฉันมีชีวิตอยู่ในความตั้งใจของตัวเอง

นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนสอนว่าความอยากของเนื้อหนังของเราอาจทำให้ตาบอดทำให้สติปัญญามืดลงและทำให้ความทรงจำอ่อนแอลง ที่จริงสาวกแม้ว่าพวกเขาเพิ่งเห็นว่าพระเยซูทรงขับผีออกเลี้ยงดูคนเป็นอัมพาตและรักษาโรคต่าง ๆ แต่ก็ลืมอำนาจของพระองค์ไปอย่างรวดเร็วและสูญเสียความรู้สึกทันทีที่ถูกลมและคลื่นพัดไป เช่นกันยอห์นแห่งกางเขนสอนว่าเราต้องละทิ้งความอยากเหล่านั้นซึ่งสั่งการด้วยความรักและความทุ่มเทของเรา

เนื่องจากการไถพรวนดินเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเกิดผล - ดินที่ผ่านการขัดสีจะทำให้เกิดวัชพืชเท่านั้นการทำให้ความอยากอาหารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเกิดผลทางวิญญาณ ฉันกล้าที่จะบอกว่าหากไม่มีการทำให้ตายแล้วทุกสิ่งที่ทำเพื่อความก้าวหน้าในความสมบูรณ์แบบและในความรู้ของพระเจ้าและของตัวเองจะไม่มีผลกำไรมากไปกว่าเมล็ดพันธุ์ที่หว่านบนพื้นดินที่ยังไม่ได้เพาะปลูก-ขึ้นไปบนภูเขาคาร์เมล เล่มหนึ่ง, บทที่, n. 4; ผลงานที่รวบรวมของเซนต์จอห์นแห่งไม้กางเขน น. 123; แปลโดย Kieran Kavanaugh และ Otilio Redriguez

เช่นเดียวกับที่สานุศิษย์ตาบอดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงอำนาจในท่ามกลางพวกเขาดังนั้นคริสเตียนเหล่านั้นที่แม้จะทุ่มเทให้กับการอุทิศตนมากมายหรือแม้แต่การบำเพ็ญตบะพิเศษ แต่ก็ไม่ได้พยายามอย่างขยันขันแข็งที่จะปฏิเสธความอยากของพวกเขา 

เพราะนี่เป็นลักษณะของคนที่ตาบอดเพราะความอยากอาหารของพวกเขา เมื่อพวกเขาอยู่ท่ามกลางความจริงและสิ่งที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาพวกเขาจะมองไม่เห็นมันมากไปกว่าที่พวกเขาอยู่ในความมืด -เซนต์. ยอห์นแห่งกางเขนอ้าง n. 7

กล่าวอีกนัยหนึ่งเราต้องไปที่หัวเรือเพื่อที่จะพูดและ ...

จงยึดแอกของฉันไว้กับคุณและเรียนรู้จากฉัน เพราะฉันเป็นคนอ่อนโยนและมีจิตใจต่ำต้อยและคุณจะพบกับความสงบสุขสำหรับวิญญาณของคุณ เพราะแอกของฉันง่ายและภาระของฉันก็เบา (ม ธ 11: 29-30)

แอกเป็นพระกิตติคุณของพระคริสต์สรุปไว้ในคำพูดถึง สำนึกผิด และเพื่อ รักพระเจ้า และ  เพื่อนบ้าน. การกลับใจคือการปฏิเสธความรักของสิ่งที่แนบมาหรือสิ่งมีชีวิตทุกชนิด การรักพระเจ้าคือการแสวงหาพระองค์และพระสิริของพระองค์ในทุกสิ่ง และการรักเพื่อนบ้านคือการรับใช้พวกเขาเหมือนที่พระคริสต์ทรงรักและปรนนิบัติเรา มันเป็นแอกทันทีเพราะธรรมชาติของเราพบว่ามันยาก แต่ก็“ เบา” เช่นกันเพราะเป็นเรื่องง่ายที่พระคุณจะบรรลุในตัวเรา“ การกุศลหรือความรักของพระเจ้า” หลุยส์แห่งกรานาดาผู้นับถือกล่าว“ ทำให้กฎหมายนั้นหอมหวานและน่ายินดี” ^[1]คู่มือคนบาป, (Tan Books and Publishers) หน้า 222 ประเด็นคือถ้าคุณรู้สึกว่าคุณไม่สามารถควบคุมการล่อลวงของเนื้อหนังได้ก็อย่าแปลกใจที่ได้ยินพระคริสต์ตรัสกับคุณเช่นกัน “ คุณยังไม่มีความเชื่อหรือ” เพราะพระเจ้าของเราไม่ได้สิ้นพระชนม์อย่างแน่นอนเพื่อไม่เพียง แต่จะลบล้างบาปของคุณ แต่เพื่อพิชิตอำนาจของพวกเขาเหนือคุณ?

เรารู้ว่าตัวตนเก่าของเราถูกตรึงไว้กับพระองค์เพื่อร่างกายที่บาปจะถูกทำลายและเราจะไม่ตกเป็นทาสของบาปอีกต่อไป (โรม 6: 6)

ตอนนี้การช่วยให้รอดจากบาปคืออะไรหากไม่ได้รับการอภัยโทษจากความผิดพลาดในอดีตและขอพระคุณที่จะหลีกเลี่ยงผู้อื่นในอนาคต จุดจบของการมาของพระผู้ช่วยให้รอดของเราคืออะไรถ้าไม่ช่วยคุณในการทำงานของคุณความรอด? พระองค์ไม่ได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อทำลายบาปหรือ? พระองค์ไม่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อให้คุณมีชีวิตที่สง่างามหรือ? เหตุใดพระองค์จึงทรงหลั่งพระโลหิตถ้าไม่รักษาบาดแผลในจิตวิญญาณของคุณ? เหตุใดพระองค์จึงตั้งศาสนิกชนถ้าไม่ได้เพื่อเสริมกำลังคุณในการต่อต้านบาป? การเสด็จมาของพระองค์ทำให้หนทางสู่สวรรค์ราบรื่นและตรงไปตรงมามิใช่หรือ…? เหตุใดพระองค์จึงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ถ้าไม่เปลี่ยนคุณจากเนื้อหนังเป็นวิญญาณ? เหตุใดพระองค์จึงส่งพระองค์มาภายใต้รูปของไฟ แต่เพื่อให้ความกระจ่างแก่คุณทำให้คุณเดือดดาลและเปลี่ยนคุณให้เป็นตัวของคุณเองเพื่อที่วิญญาณของคุณจะเหมาะสมกับอาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เอง ... คุณกลัวว่าคำสัญญาจะไม่บรรลุ หรือด้วยความช่วยเหลือจากพระคุณของพระเจ้าคุณจะไม่สามารถรักษากฎของพระองค์ได้? ความสงสัยของคุณถือเป็นการดูหมิ่น สำหรับในกรณีแรกคุณตั้งคำถามกับความจริงของพระวจนะของพระเจ้าและประการที่สองคุณนับถือพระองค์ที่ไม่สามารถทำตามสิ่งที่พระองค์สัญญาไว้ได้เนื่องจากคุณคิดว่าพระองค์สามารถถวายความช่วยเหลือแก่คุณได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของคุณ - หลุยส์แห่งกรานาดาที่มีประสบการณ์สูง คู่มือคนบาป (Tan Books and Publishers) น. 218-220

โอ้ช่างเป็นคำเตือนที่มีความสุข!

จำเป็นต้องมีสองสิ่ง ประการหนึ่งคือการละทิ้งความอยากเหล่านั้นที่ต้องการจะพองตัวเป็นคลื่นแห่งความบาป ประการที่สองคือการมีศรัทธาในพระเจ้าและพระคุณและอำนาจของพระองค์ที่จะทำในสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ในตัวคุณ และพระเจ้า จะ ทำเมื่อคุณเชื่อฟังพระองค์เมื่อคุณรับ กางเขนแห่งความรัก แทนเนื้อของคุณเอง และพระเจ้าจะทำสิ่งนี้ได้เร็วเพียงใดเมื่อคุณทำอย่างจริงจังที่จะไม่ยอมให้มีพระเจ้าอื่นใดต่อพระพักตร์พระองค์ เซนต์พอลสรุปทั้งหมดข้างต้นด้วยวิธีนี้: 

สำหรับคุณถูกเรียกร้องให้มีอิสรภาพพี่น้อง แต่อย่าใช้เสรีภาพนี้เป็นโอกาสสำหรับเนื้อหนัง แทนที่จะรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก เพราะว่าธรรมบัญญัติทั้งฉบับสำเร็จลงในข้อความเดียวกล่าวคือ“ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” แต่ถ้าคุณไปกัดกินกันเองระวังอย่าให้คนอื่นกินจนหมด ฉันพูดว่า: ดำเนินชีวิตโดยพระวิญญาณและคุณจะไม่พอใจกับความปรารถนาของเนื้อหนังอย่างแน่นอน (สาว 5: 13-16)

คุณรู้สึกว่านี่เป็นไปไม่ได้หรือไม่? เซนต์ไซเปรียนเคยสงสัยว่าสิ่งนี้เป็นไปได้ด้วยตัวเองเมื่อเห็นว่าเขายึดติดกับความปรารถนาในเนื้อหนังของเขามากเพียงใด

ฉันกระตุ้นว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะถอนรากถอนโคนความชั่วร้ายที่ฝังอยู่ในตัวเราโดยธรรมชาติที่เสื่อมทรามของเราและได้รับการยืนยันจากนิสัยของปี ...  -คู่มือคนบาป (Tan Books and Publishers) หน้า 228

เซนต์ออกัสตินรู้สึกเหมือนกันมาก

…เมื่อเขาเริ่มคิดอย่างจริงจังที่จะจากโลกนี้ไปความยากลำบากนับพันก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา ด้านหนึ่งปรากฏความสุขในอดีตในชีวิตของเขากล่าวว่า“ เจ้าจะพรากจากเราไปตลอดกาลหรือ? เราจะไม่เป็นเพื่อนของคุณอีกต่อไปหรือ?” --Ibid. น. 229

ในอีกด้านหนึ่งออกัสตินประหลาดใจกับผู้ที่อาศัยอยู่ในเสรีภาพแบบคริสเตียนที่แท้จริงดังกล่าวจึงร้องออกมาว่า:

ไม่ใช่พระเจ้าหรือที่เปิดโอกาสให้พวกเขาทำในสิ่งที่พวกเขาทำ? ในขณะที่คุณยังคงพึ่งพาตัวเองคุณต้องล้มลง จงเหวี่ยงตัวโดยไม่เกรงกลัวพระเจ้า เขาจะไม่ทอดทิ้งคุณ --Ibid. น. 229

ในการละทิ้งพายุแห่งความปรารถนาที่พยายามทำให้พวกเขาทั้งคู่จมลงไซเปรียนและออกัสตินได้พบกับอิสรภาพและความสุขใหม่ที่เปิดเผยภาพลวงตาและสัญญาที่ว่างเปล่าของความปรารถนาเก่าของพวกเขา จิตใจของพวกเขาซึ่งตอนนี้ไม่ถูกปิดกั้นด้วยความอยากอาหารของพวกเขาเริ่มไม่เต็มไปด้วยความมืดอีกต่อไป แต่เป็นความสว่างของพระคริสต์ 

เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องราวของฉันเช่นกันและฉันดีใจมากที่จะประกาศเรื่องนี้ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นเจ้าแห่งพายุทุกอย่าง. 

 

 

หากคุณต้องการรองรับความต้องการของครอบครัวเรา
เพียงคลิกปุ่มด้านล่าง
อวยพรและขอบคุณ!

เพื่อร่วมเดินทางไปกับ Mark ใน พื้นที่ ตอนนี้ Word,
คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างเพื่อ สมัครเป็นสมาชิก.
อีเมลของคุณจะไม่ถูกแชร์กับใคร